1.ความหมายของซอฟต์แวร์
การที่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเกิดจากคำสั่งหรือชุดคำสั่งหรือที่เรียกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยนักเขียนโปรแกรม(programmer)คำสั่งมีลักษณะเป็นซอฟต์แวร์สามารถสั่งให้คอมพิวเตอร์อ่านข้อมูล
แปลความหมาย และทำการประมวลผล
แล้วส่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นสารสนเทศตามที่เราต้องการ
ดังนั้นซอฟต์แวร์จึงเป็นส่วนสำคัญและจำเป็นสำหรับการทำงานของคอมพิวเตอร์
มีนักวิชาการให้ความหมายหรือกล่าวถึงซอฟต์แวร์ไว้หลายแง่มุม ดังนี้
ซอฟต์แวร์
เป็นส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรงเพราะซอฟต์แวร์มีคุณลักษณะเป็นนามธรรมโดยทั่วไปเรียกว่าโปรเกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งการให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
ซอฟต์แวร์จึงทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์
ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์เราก็ไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้เลย
ซอฟต์แวร์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท
ซอฟต์แวร์คือ
การลำดับขั้นตอนการทำงานของคำสั่งที่จะทำหน้าที่สั่งคอมพิวเตอร์ว่าให้ทำอะไรเป็นชุดของโปรแกรมหลายๆโปรแกรมนำมารวมกันให้สามารถทำงานได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ต้องการ
เรามองไม่เห็นหรือสัมผัสไม่ได้แต่เราสามารถสร้าง จัดเก็บ
และนำมาใช้งานหรือเผยแพร่ได้ด้วยสื่อหลายชนิดเช่น แผ่นบันทึก แผ่นซีดี แฟล็ชไดร์ฟ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
ซอฟต์แวร์หมายถึง ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ซอฟต์แวร์จึงเป็นคำสั่งที่มีลำดับขั้นตอนการทำงานซึ่งเขียนขั้นด้วยคำสั่งคอมพิวเตอร์
คำสั่งเหล่านี้เรียงกันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากที่ทราบมาแล้วว่าคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่ง
การทำงานพื้นฐานเป็นเพียงการกระทำกับข้อมูลที่เป็นตัวเลขฐานสอง
ซึ่งใช้แทนข้อมูลที่เป็นตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ หรือแม้แต่เป็นเสียงพูดก็ได้
ซอฟต์แวร์คือ ชุดคำสั่งที่สั่งงานคอมพิวเตอร์อย่างเป็นลำดับขั้น
ชุดคำสั่งเหล่านี้ได้จัดเตรียมไว้ในหน่วยความจำ
คอมพิวเตอร์จะอ่านชุดคำสั่งแล้วทำตามโปรแกรมที่นักเขียนโปรแกรมได้เขียนไว้ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่มนุษย์จัดทำขึ้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามลักษณะของซอฟต์แวร์ที่วางไว้แล้วเท่านั้น
2.ประเภทของซอฟต์แวร์
ในบรรดาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์มีมากมาย
ซอฟต์แวร์เหล่านี้อาจได้รับการพัฒนาโดยผู้ใช้งานเอง หรือผู้พัฒนาระบบ
หรือผู้ผลิตจำหน่าย หากแบ่งแยกชนิดของซอฟต์แวร์ตามสภาพการทำงาน
โดยทั่งไปแล้วซอฟต์แวร์แบ่งได้3ประเภทใหญ่ๆคือ ซอฟต์แวร์ระบบ(SystemSoftware)ซอฟต์แวร์ประยุกต์(Application Software)โดยมีรายละเอียดของซอฟต์แวร์แต่ละประเภทดังนี้
2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ(System Software)
ซอฟต์แวร์ระบบเป็นโปรแกรมที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นเพื่อใช้จัดการกับระบบ
หน้าที่การทำงานของซอฟต์แวร์ระบบคือดำเนินงานพื้นฐานต่างๆของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น
รับข้อมูลจากแผนแป้นอักขระแล้วแปลความหมายให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ นำข้อมูลไปแสดงผลบนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจำรอง
เมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
ทันทีที่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะทำงานตามโปรแกรมทันที
โปรแกรมแรกที่สั่งคอมพิวเตอร์ทำงานนี้เป็นซอฟต์แวร์ระบบ ซอฟต์แวร์ระบบอาจเก็บไว้ในรอม
หรือในแผ่นจานแม่เหล็ก หากไม่มีซอฟต์แวร์ระบบ
คอมพิวเตอร์จะทำงานไม่ได้นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ระบบยังใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่นๆและยังรวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเปลภาษาต่างๆ
ซอฟต์แวร์ระบบจึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างฮาร์ดแวร์และโปรแกรมประยุกต์
ใช้ในการควบคุมดดูแลการทำงานทั้งหมดของระบบคอมพิวเตอร์
ขณะที่เรากำลังใช้โปรแกรมประยุกต์อยู่ซอฟต์แวร์ระบบจะควบคุมการทำงานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งซอฟต์แวร์ระบบมีลักษณะแตกต่างกันดังนี้
2.1.1ระบบปฏิบัติการณ์
(Operating Softwareหรือ OS)เป็นซอฟต์แวร์ที่ควบคุมกิจกรรมทั้งหมดของคอมพิวเตอร์
เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ที่เป็นฮาร์ดแวร์ทุกส่วนของระบบคอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลและทำแฟ้มข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์
เช่น การสำเนาข้อมูล(copy) การเรียงลำดับ(sort)การลบ(delete)และอื่นๆ
นอกจากนั้นยังใช้ในการดำเนินงานขงโปรแกรมประยุกต์ด้วย
โปรแกรมที่พัฒนาจากระบบปฏิบัติการที่ต่างกันจะนำมาใช้ร่วมกันไม่ได้
ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้มากที่สุดในขณะนี้คือ
1.ระบบปฏิบัติการดอส(DOS)เป็นระบบปฏิบัติการที่รับคำสั่งจากผู้ใช้งานเป็นข้อความ(text mode)DOSมาจารคำว่าDisk Operating System อาจเป็นพีซีดอส(PC-DOS) หรือ เอ็มเอสดอส (MS-DOS)ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟต์ก็ได้
ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมแล้ว
2.ระบบปฏิบัติการแบบวินโดวส์
พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟต์
เป็นระบบปฏิบัติการทำงานด้วยคำสั่งกราฟิกชนจอภาพโดยใช้เมาส์ในการควบคุมคำสั่งให้โปรแกรมทำงานผ่านภาพ
กราฟิกที่เป็นลักษณะต่างๆที่เรียกว่า สัญรูป หรือ ไอคอน (icon)เราเรียกว่าการทำงานแบบการประสานกับผู้ใช้ในลักษณ์ของกราฟิกGUI (graphical user interface)อ่านออกเสียงว่า “กุย”ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายกว่าระบบปฏิบัติการแบบดอส
ระบบปฏิบัติการโดวส์ที่ได้พัฒนามามีใช้หลายแบบ เช่น วินโดวส์3.1, วินโดวส์95,
วินโดวส์2000, วินโดวส์มี(Windows me) วินโดวส์ เอ็นที(Windows NT)และวินโดวส์เอ็กซ์พี(Windows XP)เป็นต้น
3.ระบบปฏิบัติการยูนิกส์(UNIX)เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้พัฒนามาเป็นเวลานานกว่าระบบดอสระบบยูนิกส์มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง
จึงนิยมใช้กับเครื่องที่ต้องการประสิทธิภาพการทำงานสูง เช่น
เครื่องที่เป็นแม่ข่ายของระบบอินเทอร์เน็ต ระบบยูนิกส์ที่ใช้มีหลายระบบ เช่น Unix,Ware,Linux,HP-UXและVMS เป็นต้น
ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์สามารถใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ได้
4.ระบบปฏิบัติการแมค(MAC OS)พัฒนาโดยบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แม็คอินทอช
ทำงานแบบเดียวกับโปรแกรมวินโดวส์นิยมใช้งานประเภทการออกแบบกราฟิก
2.1.2 ตัวแปรภาษา
ในการพัฒนาซอฟต์แวร์จำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูง
เพื่อแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง ภาษาระดับสูงมีหลายภาษา
ภาษาระดับสูงเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนชุดคำสั่งได้ง่ายเข้าใจได้
ตลอดจนถึงสามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟต์แวร์ในภายหลังได้
ภาษระดับสูงที่พัฒนาขึ้นมาจะต้องมีตัวแปรภาษาสำหรับแปรภาษา
ภาษาระดับสูงซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมกันมากในปัจจุบัน เช่น ภาษาปาสคาล ภาษเบสิก
ภาษาซี และภาษาโลโก
1.ภาษาปาสคาล
เป็นภาษาสั่งงานคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบเป็นโครงสร้าง
เขียนสั่งงานคอมพิวเตอร์เป็นกระบวนความ
ผู้เขียนสามารถแบ่งแยกงานออกเป็นชิ้นเล็กๆแล้วมารวมกันเป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ได้
2.ภาษาเบสิก เป็นภาษาที่มีรูปแบบคำสั่งไม่ยุ่งยาก
สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่ายมีรูปแบบคำสั่งพื้นฐานที่สามารถนำมาเขียนเรียบเรียงต่อกันเป็นโปรแกรมได้
3.ภาษาซี
เป็นภาษาที่เหมาะในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่นๆภาษาซีเป็นภาษาที่มีโครงสร้างล่องตัวสำหรับการเขียนโปรแกรมหรือให้คอมพิวเตอร์ติดต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ
4.ภาษาโลโก
เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้และเข้าใจหลักการโปรแกรมภาษาโลโกได้รับการพัฒนาสำหรับเด็ก
นอกจากภาษาที่กล่าวถึงแล้ว
ยังมีภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอีกมากมายหลายภาษา เช่น ภาษาฟอร์แทรน
ภาษาโคบอล ภาษาอาร์พีจี
2.2ซอฟต์แวร์ประยุกต์
(Application Software)
ซอฟต์แวร์ประยุกต์เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานเฉพาะเรื่องตามที่เราต้องการ
เช่น งานพิมพ์เอกสาร โปรแกรมอินเทอร์เน็ตเอ็กซ์พลอเรอร์
ใช้เพื่อการสืบค้นข้อมูลและเชื่อมโยง กับระบบอินเทอร์เน็ตก็ได้ เน้นการใช้งานสะดวก
2.2.1ซอฟต์แวร์สำเร็จ
ในบรรดาซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่มีใช้กันทั่วไป ซอฟต์แวร์สำเร็จ(package)เป็นซอฟต์แวร์ที่มีความนิยมใช้กันสูงมาก
ซอฟต์แวร์สำเร็จเป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทพัฒนาขึ้น แล้วนำออกมาจำหน่าย
เพื่อให้ผู้ใช้งานซื้อไปใช้ได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์อีก
ซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป เละเป็นที่นิยมของผู้ใช้มี5กลุ่มใหญ่ ได้แก่ซอฟต์แวร์ประมวลคำ(word processing software)ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน(spread sheet software)ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล(data base management software)ซอฟต์แวร์นำเสนอ(presentation software)และซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล(data communication software)
1.ซอฟต์แวร์ประมวลคำ
เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สำหรับการพิมพ์เอกสาร
สามารถแก้ไข เพิ่ม แทรก ลบ และจัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสารที่พิมพ์ไว้จัดเป็นแฟ้มข้อมูลเรียกมาพิมพ์หรือแก้ไขใหม่ได้
การพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ก็มีรูปแบบตัวอักษรให้เลือกหลายรูปแบบเอกสารจึงดูเรียบร้อยสวยงาม
ปัจจุบันมีการเพิ่มขีดความสามารถของซอฟต์แวร์ประมวลคำอีกมากมายซอฟต์แวร์ประมวลคำที่นิยมในปัจจุบัน
เช่น วินส์เวิร์ด จุฬาจารึก โลตัสเอมิโปร
2.ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน
เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการคิดคำนวณ การทำงานของซอฟต์แวร์ตารางทำงาน
ใช้หลักการเสมือนมีโต๊ะทำงานที่มีกระดาษขนาดใหญ่ว่างไว้ มีเครื่องมือคล้ายปากกา
ยางลบ และเครื่องคำนวณเตรียมไว้ให้เสร็จ บนกระดาษมีช่องให้ใส่ตัวเลข
ข้อความหรือสูตรสามารถสั่งให้คำนวณตามสูตรหรือเงื่อนไขที่กำหนด
ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานสามารถประยุกต์ใช้งานประมวลผลตัวเลขอื่นๆได้กว้างขวาง ซอฟต์แวร์ตารางทำงานที่นิยมใช้
เช่น เอกเซล โลตัส
3.ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล
การใช้คอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งคือการใช้เก็บข้อมูลและจัดการกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์จึงจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์จัดการข้อมูล
การรวบรวมข้อมูลหลายๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกันไว้ในคอมพิวเตอร์เราก็เรียกว่าฐานข้อมูล
ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลจึงหมายถึงซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล
หมายถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการเก็บการเรียกค้นมาใช้งาน การทำรายงาน
การสรุปผลจากข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลที่นิยมใช้ เช่น เอกเซล ดีเบส พาราด็อก ฟ็อกเบส
4.ซอฟต์แวร์นำเสนอ
เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการนำเสนอข้อมูล การแสดงผลต้องสามารถดึงดุความสนใจ
ซอฟต์แวร์เหล่านี้จึงเป็นซอฟต์แวร์ที่นอกจากสามารถแสดงข้อความในลักษณะที่จะสื่อความหมายได้ง่ายแล้วจะต้องสร้างแผนภูมิ
กราฟ แลละรูปภาพได้ ตัวอย่างซอฟต์แวร์นำเสนอ เช่น เพาเวอร์พอยต์ โลตัวฟรีแลนซ์
ฮาร์วาร์ดกราฟิก
5.ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล
หมายถึงซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้ไมโครคอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นในที่ห่างไกลโดยผ่านทางสายโทรศัพท์
ซอฟต์แวร์สื่อสารใช้เชื่อมโยงต่อเข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น
อินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถใช้บริการอื่นๆเพิ่มเติมได้ สามารถใช้รับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
ใช้โอนย้ายแฟ้มข้อมูล ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล อ่านข่าวสสาร
นอกจากนี้ยังใช้ในการเชื่อมเข้าหามินิคอมพิวเตอร์หรือเมนเฟรม
เพื่อเรียกใช้งานจากเครื่องเหล่านั้นได้
ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลที่นิยมมีมากมายหลากหลายซอฟต์แวร์ เช่น โปรคอม ครอส ทอล์ค
เทลิก
2.2.2ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ
เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ช่วยในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ในหน้าที่เฉพาะด้านบางอย่าง
เช่น การตรวจหาเละกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์ การจัด เรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
การประยุกต์ใช้งานด้วยซอฟต์แวร์สำเร็จมักจะเน้นการใช้งานทั่วไป
แต่อาจจะนำมาประยุกต์การใช้งานาทางธุรกิจบางอย่างไม่ได้ เช่นในกิจการธนาคาร
มีการฝากถอนเงิน งานทางด้านบัญชี หรือในห้างสรรพสินค้าก็มีงานการขายสินค้า
การออกใบเสร็จรับเงิน การควบคุมสินค้าคงคลัง ดังนั้น
จึงต้องมากรพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะสำหรับงานแต่ละประเภทให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละราย
ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะมักจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้พัฒนาต้องเข้าไปศึกษารูปแบบการทำงานหรือความต้องการของธุรกิจนั้นๆแล้วจัดทำขึ้น
โดยทั่วไปจะเป็นซอฟต์แวร์ที่มีหลายส่วนรวมกันเพื่อร่วมกันทำงานซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะที่ใช้กันในทางธุรกิจ
เช่น ระบบงานทางด้นบัญชี ระบบงานจัดจำหน่าย ระบบงานในโรงงานอุสาหกรรม
บริหารการเงิน และการเช่าซื้อ
ความต้องการของการใช้คอมพิวเตอร์ในงานทางธุรกิจยังมีอีกมาก
ดังนั้นจึงต้องมีความต้องการผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะต่างๆอีกมากมาย
3.ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์เป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
เป็นการทำงานตามลำดับขั้นตอนที่ผู้เขียนเรียบเรียงไว้ในรูปของเลขฐานสองซึ่งใช้แทนข้อมูลที่เป็นตัวเลข
ตัวอักษร รูปภาพ และเสียง
ภาษาหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์จึงเป็นซอฟต์แวร์สำคัญที่ทำให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องทำงานแตกต่างกันได้มากมาย
เพราะคำสั่งหรือซอฟต์แวร์แต่ละโปรแกรมจะถูกออกแบบสำหรับใช้กับแต่ละงานแตกต่างกัน
เช่น โปรแกรมสำหรับจัดทำเอกสาร โปรแกรมสำหรับจัดทำบัญชี
โปรแกรมสำหรับจัดทำสื่อการนำเสนอ โปรแกรมทีเกี่ยวข้องกับการตกแต่งภาพนิ่ง
โปรแกรมเกี่ยวกับการตัดต่อภาพเคลื่อนไหว ฯลฯ เป็นต้น
ซึ่งโปรแกรมสามารถประยุกต์ใช้งานดีอีกหลายด้านตามความสามารถของผู้เขียนและผู้ใช้โปรแกรมนั้นๆ
จะเห็นได้ว่าปัจจุบันการที่คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้มากมาย
เพราะว่ามีการพัฒนาโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์เพื่อสั่งงานคอมพิวเตอร์ตามความต้องการของผู้ใช้งาน
ดังที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น
ร้านค้าอาจใช้คอมพิวเตอร์ทำบัญชีที่ยุ่งยากซับซ้อน
บริษัทขายตั๋วใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในระบบการจองตั๋วคอมพิวเตอร์ช่วยในเรื่องกิจการงานธนาคารที่มีข้อมูลต่างๆมากมาย
คอมพิวเตอร์ช่วยงานพิมพ์เอกสารให้สวยงาม คอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดต่อบันทึกเสียง
เป็นต้น
การที่คอมพิวเตอร์ดำเนินการให้ประโยชน์ได้มากมายมหาศาลจะขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์จึงเป็นส่วนสำคัญและจำเป็นของระบบคอมพิวเตอร์
หากขาดซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถทำงานได้ และเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ระบบสารสนเทศเป็นไปได้ตามที่ต้องการ
โปรแกรมที่ใช้แปรภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง เรียกว่า คอมไพเลอร์(compiler)หรืออินเทอร์พรีเตอร์(interpreter)
4.ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
เราใช้คอมพิวเตอร์ทำงานในการจัดการสารสนเทศเรื่องต่างๆได้อยากถูกต้องแม่นยำโดยการกำหนดวิธากรหรือขั้นตอนให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ตามต้องการ
จำเป็นต้องมีสื่อกางที่ใช้ในการติดต่อซึ่งกันและกันระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์
เราเรียกสื่อกลางนี้ว่าภาษาคอมพิวเตอร์
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณทางไฟฟ้าที่แทนค่าด้วยตัวเลย0 และ1
ได้ โดยผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์ใช้ตัวเลข0และ1นี้เป็นรหัสแทนคำสั่งในการสั่งงานคอมพิวเตอร์
รหัสแทนข้อมูลและคำสั่งโยใช้ระบบเลขฐานสองนี้
คอมพิวเตอร์สามารถแปลผลอย่างเป็นเหตุเป็นผลเชิงตรรกะได้อย่างถูกต้อง
เราเรียกเลขฐานสองที่ประกอบกันเป็นชุดคำสั่งนี้ว่า ภาษาเครื่องระดับสูง
ซึ่งปัจจุบันภาษาระดับสูงมีอยู่มากมายบางภาษามีความเหมาะสมกับการใช้สั่งงานการคำนวณทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
บางภาษีความเหมาะสมไว้ใช้งานด้านการจัดการข้อมูล
ในการทำงานของคอมพิวเตอร์จะทำหน้าที่แปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง
ดังนั้นจะมีผู้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับแปลภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง
คอมไพเลอร์จะทำการแปลโปรแกรมที่เขียนเป็นภาษาระดับสูงทั้งโปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่องก่อนแล้วจึงให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามภาษาเครื่องนั้น
เมื่อทำเสร็จแล้วจึงมาทำการแปลทีละคำสั่ง แล้วให้คอมพิวเตอร์ทำตามคำสั่งนั้น
เมื่อทำเสร็จแล้วจึงมาทำการแปลคำสั่งลำดับต่อไป ข้อแตกต่างระหว่างคอมไพเลอร์กับอินเทอร์พรีเตอร์จึงอยู่ที่การแปลทั้งโปรแกรมหรือการแปลทีละคำสั่ง
ตัวแปลภาษาที่รู้จักกันดี เช่น ตัวแปรภาษาเบสิก ตัวแปรภาโคบอล
ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์จึงเป็นส่วนสำคัญที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ให้ดำเนินการตามแนวความคิดที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
คอมพิวเตอร์ต้องทำงานตามโปรแกรมเท่านั้น
ไม่สามารถทำงานที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในแต่ละโปรแกรมได้
เพลงเพราะ เนื้อหาดีค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ลบ